ข้อที่ต้องคำนึงในการออกแบบเก้าอี้สำนักงานให้เหมาะสมกับการทำงาน

ข้อที่ต้องคำนึงในการออกแบบเก้าอี้สำนักงานให้เหมาะสมกับการทำงาน

“เก้าอี้ทำงาน” หลายๆอาจคนมองข้าม และที่ไม่รู้คือที่มาของปัญหาสุขภาพได้ โดยที่เก้าอี้ทำงานไม่เหมาะกับสรีระร่างกาย เป็นต้นเหตุแก่โรคภัยอีกหลายๆ ดังนั้นแล้ว การเลือกเก้าอี้จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก บทความนี้จะให้ความรู้ความเข้าใจในการเลือกใช้เก้าอี้ทำงานมากขึ้น

1. ต้องลดแรงกดต่อหมอนรองกระดูกสันหลัง
ในการศึกษาพบว่าหากให้พนักพิงมีมุมเอนระหว่าง 100-130 องศา แรงดันที่กระทำต่อหมอนรองกระดูกสันหลังจะน้อยที่สุด ดังนั้นการออกแบบที่ช่วยลดแรงกดที่กระทำต่อหมอนรองกระดูกสันหลังจะช่วยรักษาหมอนรองกระดูกสันหลังไม่ให้รับน้ำหนักมากเกินไป ทำได้จากการออกแบบให้พนักพิงให้มีลักษณะเป็นมุมเอนกับแนวระนาบ
จากการวัดค่าแรงดันที่กระทำกับหมอนรองกระดูกสันหลัง นอกจากการให้พนักพิงทำมุมเอนกับแนวระนาบแล้ว การเพิ่มที่พักวางแขนก็ช่วยลดแรงกดที่กระทำต่อหนอนรองกระดูกสันหลังด้วย

2. สามารถปรับเปลี่ยนอริยบทการนั่งได้
ในการทำงานไม่ควรจำกัดท่านั่งในท่าเดิมอยู่ตลอดเวลา เพราะการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานๆจะทำให้หมอนรองกระดุกสันหลังเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากความสามารถหมุนเวียนสารอาหารและของเสียของร่างกายได้ลดน้อยลง นอกจากนั้นยังมีส่วนให้เกิดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังและหัวไหล่ได้
และทำให้เลือดไหลสู่ส่วนขาและเท้าไม่สะดวกส่งผลทำให้เกิดอาการเหน็บชา ดังนั้นเก้าอี้ที่ดีควรมีลักษณะที่สามารถเคลื่อนไหวหรือปรับเปลี่ยนอริยบทการนั่งได้ ดังนั้นการออกแบบเก้าอี้จึงควรมีขนาดที่ไม่แคบจนเกิดไปจนมีลักษณะที่บีบหรือเป็นซองแคบ นอกจากนี้อาจออกแบบให้มีลักษณะที่สามารถหมุน โยก หรือ ปรับเอนได้ก็จะเป็นการช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนอริยบทการนั่งได้สะดวกและง่ายขึ้น

3. ช่วยทำให้กระดูกสันหลังโค้งแบบลัมบาร์ลอร์โดซิส
การออกแบบดังกล่าวจะช่วยให้มีแรงเค้นกดเกิดขึ้นที่หมอนรองกระดูกสันหลังช่วงลัมบาร์มีปริมาณน้อยคล้ายกับลักษณะของกระดูกสันหลังในท่ายืนตรงตามมาตรฐานของกายวิภาคนั่นเอง ลักษณะดังกล่าวอาจทำได้โดยการเสริมพนักพิงให้มีลักษณะโค้งรับกับกระดูกสันหลัง

4. มุมลาดเอียงแผ่นรองนั่งกับพนักพิงที่เหมาะสม
ความลาดเอียงของแผ่นรองนั่งกับพนักพิงเก้าอี้ควรสัมพันธ์กัน ทั่วไปแล้วเก้าอี้ทำงานหรือเก้าอี้รับประทานอาหารควรมีลาดเอียงประมาณ 93-105 องศากับแนวระนาบ โดยให้แผ่นรองนั่งลาดเอียงจากแนวระนาบประมาณ 0-8 องศา ด้วย การลาดเอียงดังกล่าวเป็นมุมที่เหมาะสมในการนั่ง เพราะจะช่วยให้สะโพกและแผ่นหลังแนบกับแนวเก้าอี้จึงมีช่วยในการกระจายน้ำหนักสู่เก้าอี้ได้ดี นอกจากนั้นยังเป็นมุมที่เหมาะสมสำหรับการโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อทำงานหรือตักอาหาร หากมุมลาดเอียงมากหรือน้อยกว่านี้ จะทำให้การโน้มตัวไปข้างหน้าต้องใช้ระยะมากเกิน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัวได้หรือเกร่งตัวได้ เป็นสาเหตุของอาการเมื่อยล้า
สำหรับเก้าอี้เพื่อการพักผ่อนควรมีมุมลาดเอียงของแผ่นรองนั่งกับพนักพิงประมาณ 110-115 องศากับแนวระนาบหรือประมาณ115-127 องศากับแนวระนาบ ถ้าต้องการผ่อนคลายมาก และอาจมีมุมเอียงของที่นั่ง 7-25 องศา ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะสมกับการนั่งพักผ่อนในลักษณะต่างๆ

5. คำนึงถึงความสูงที่เหมาะสม
ความสูงของเก้าอี้ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเค้นกดที่ต้นขาด้านล่างได้ โดยทั่วไปความสูงที่เหมาะสมสำหรับเก้าอี้ที่ใช้ในการทำงานทั่วๆไปจะอยู่ระหว่าง 38-43 เซนติเมตร และความสูงที่เหมาะสมสำหรับเก้าอี้พักผ่อนจะอยู่ระหว่าง 30-40 เซนติเมตร
โดยช่วงความสูงดังกล่าวเป็นความสูงที่ทำให้ข้อพับด้านหลังของเข่าสัมผัสกับความสูงของเก้าอี้อย่างพอดี แรงกดจากการนั่งบริเวณต้นขาจะมีน้อย ถ้าหากความสูงของเก้าอี้สูงเกินไป จะทำให้สะโพกของผู้นั่งเลื่อนไปด้านหน้า ทำให้ลำตัวโน้มไปทางด้านหน้า ขาดการรองรับบริเวณหลังของพนักพิง และทำให้เกิดแรงเค้นกดมากขึ้นที่บริเวณต้นขา ในขณะที่ความสูงของเก้าอี้ต่ำเกินไปจะทำให้ขาดการกระจายแรงกดหรือน้ำหนักบริเวณกระดูกก้นกบอย่างเหมาะสม กรณีที่เก้าอี้ที่มีความสูงเกินมาตรฐานควรเพิ่มหรือใช้ที่รองเท้าเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยลดแรงเค้นกดจากการนั่งบริเวณต้นขา

6. คำนึงถึงความยาวของพนักพิงและรูปทรงของพนักพิง
พนักพิงสำหรับเก้าอี้ทำงานและเก้าอี้รับประทานอารควรมีความยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร หรือสูงไม่เกินไหล่ และเก้าอี้เพื่อการพักผ่อนควรมีความยาวประมาณ 50-80 เซนติเมตร หรือไม่ควรต่ำกว่าช่วงล่างสุดของไหล่ ในกรณีที่เป็นเก้าอี้ที่ไม่รองต้นคอและศีรษะ ถ้าเป็นเก้าอี้ที่มีมุมลาดเอียงของพนักพิงมากควรมีส่วนรับต้นคอและศีรษะ
ควรเพิ่มความสูงขึ้นไปอีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อช่วยกล้ามเนื้อและพยุงต้น สำหรับความกว้างของพนักพิงควรมีความกว้างน้อยที่สุดประมาณ 30 เซนติเมตร

7.การออกแบบโดยคำนึงถึงความลึกและความกว้างที่เหมาะสม
ความลึกและความกว้างของเก้าอี้นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของเก้าอี้ว่าเป็นเก้าอี้ที่ใช้ประโยชน์อย่างไร เช่น เก้าอี้ในการทำงานหรือเก้าอี้เพื่อการพักผ่อนนอกจากนั้นความเหมาะสมยังขึ้นอยู่กับสัดส่วนของผู้ใช้ที่แตกต่างกันแต่ตามหลักการที่เหมาะสมควรเลือกขนาดสัดส่วนความลึกจากผู้ใช้ที่มีสัดส่วนเล็กหรือผู้ที่มีระยะจากสะโพกถึงข้อพับเข่าด้านในสั้นมาเป็นเกณฑ์ในการใช้งาน
ทั้งนี้เพราะหากคนตัวเล็กนั่งบนแผ่นรองนั่งที่มีความลึกมากการเอนแผ่นหลังของผู้ใช้อาจจะไม่สัมผัสกับพนักพิงหรือเกิดช่องว่างระหว่างแผ่นหลังกับพนักพิงได้ และระยะความลึกที่ใช้ควรเว้นให้มีช่องว่างระหว่างข้อพับเข่ากับขอบนอกของเก้าอี้หรือแผ่นรองนั่งประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อลดแรงเค้นกดที่กระทำที่ต้นขา สำหรับความลึกของเก้าอี้ในการทำงานหรือเก้าอี้นั่งรับประทานอาหารจะมีความลึกประมาณ 35-42 เซนติเมตร และความลึกของเก้าอี้เพื่อการพักผ่อนมีความลึกประมาณ 45-53 เซนติเมตร จากการสังเกตสัดส่วนของเก้าอี้ในการทำงาน

สำหรับความกว้างของเก้าอี้นั้นการเลือกใช้มีหลักเกณฑ์คล้ายกับความลึก โดยการพิจารณาต้องคำนึงถึงประเภทของเก้าอี้และสัดส่วนของผู้ใช้ แต่ในรายละเอียดของสัดส่วนของผู้ใช้จะนำขนาดสัดส่วนของผู้ใช้ที่มีสัดส่วนใหญ่มาใช้กับขนาดความกว้างของเก้าอี้ซึ่งมีความแตกต่างกับการพิจารณาเลือกใช้เพื่อให้ได้ความลึกของเก้าอี้ เพราะขนาดความกว้างสำหรับผู้ใช้ที่มีสัดส่วนใหญ่จะเหมาะสมกับผู้ใช้ในกลุ่มอื่นๆด้วย
สำหรับความกว้างของเก้าอี้ในการทำงานหรือเก้าอี้นั่งรับประทานอาหารจะมีความกว้างประมาณ 40-45 เซนติเมตร และความลึกของเก้าอี้เพื่อการพักผ่อนมีความกว้างประมาณ 48-55 เซนติเมตร

เลือกแบบเพิ่มเติม : http://www.rsbfurniture.co.th/index.php?route=product/category&path=82_88

10 เหตุผลทำไมคุณควรใช้สัตว์เลี้ยง

10 เหตุผลทำไมคุณควรใช้สัตว์เลี้ยง

คิดถึงการมีลูกสุนัขที่มีหางยาวและวิ่งไปหาคุณอย่างมีความสุขที่ทุกครั้งที่มีการเรียกและโทรหาคุณ หรือคิดถึงลูกน้อยน่ารักที่เรียกว่าลูกแมววิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในบ้านของคุณ? คิดเกี่ยวกับการไปที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงในบริเวณใกล้เคียงเพื่อซื้อหรือไม่? หยุดการค้นหาสัตว์เลี้ยงของคุณแล้วและที่นั่นและคิดว่า “ทำไมฉันต้องใช้เงินในการซื้อสัตว์เลี้ยงเมื่อฉันมีตัวเลือกในการรับเลี้ยงสัตว์?”

ทำให้รู้สึกใช่มั้ย?

ดีที่คุณจะเห็นนอกเหนือจากการประหยัดเงินของคุณการนำสัตว์เลี้ยงมาพร้อมกับตันของข้อดีอื่น ๆ

1. ตามที่กล่าวมาแล้วสัตว์เลี้ยงสำหรับการนำมาใช้โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าที่ขายในร้านขายสัตว์เลี้ยง
2. สัตว์เลี้ยงที่พร้อมสำหรับการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมอาจได้รับการฝึกอบรมมาเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งพื้นฐานเช่นนั่งนั่งไป ฯลฯ และด้วยเหตุนี้จึงช่วยลดปัญหาในการฝึกซ้อมได้ตั้งแต่เริ่มต้น
3. สัตว์เลี้ยงที่จำหน่ายในร้านขายสัตว์เลี้ยงจะเลี้ยงขึ้นเพื่อขายโดยคำนึงถึงผลกำไรมากกว่าความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงดังนั้นจึงมักมีปัญหาและมีปัญหาในทางพฤติกรรม สัตว์เลี้ยงสำหรับการนำมาใช้ไม่ได้รับการเลี้ยงดูเพื่อการค้า พวกเขาพร้อมสำหรับการยอมรับเนื่องจากเจ้าของก่อนหน้าของพวกเขาต้องให้พวกเขาขึ้นเนื่องจากเหตุผลที่น่าเสียดายบางอย่างที่สัตว์จะไม่รับผิดชอบ เนื่องจากก่อนที่จะสามารถรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมพวกเขามีเจ้าของที่ดูแลพวกเขาพวกเขามักมีสุขภาพดีและมีมารยาทดี
สัตว์เลี้ยงสำหรับการยอมรับมาในทุกขนาดอายุพันธุ์และสีและทำให้คุณได้หลากหลายมากขึ้นเพื่อเลือกจาก
5. เจ้าของร้านขายสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่เก็บสัตว์ไว้ในสภาพที่น่าสยดสยองและสัตว์เพศผู้อายุมากจะถือว่าเป็นเครื่องเพาะพันธุ์ พวกเขาไม่มีความห่วงใยอย่างแท้จริงสำหรับสัตว์เหล่านี้ โดยไม่ต้องซื้อจากพวกเขาคุณสามารถรู้สึกชอบธรรมด้วยตัวคุณเองเพราะคุณไม่ได้ให้ค่าเล็กน้อย
6. ส่วนใหญ่ของสัตว์เก่าที่มีอยู่เป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับการยอมรับได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องแบกรับภาระงานเพิ่มเติมในการรับการฉีดวัคซีน
7. โดยการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงคุณไม่เพียง แต่เป็นบ้านเท่านั้น แต่คุณยังช่วยให้ที่พักพิงแก่สัตว์ที่ไม่มีที่พักอาศัยอื่นซึ่งจะถูกนำเข้ามาแทนที่สัตว์ที่คุณได้รับ
8. การมีสัตว์เป็นสัตว์เลี้ยงพบว่าจิตใจและอารมณ์เป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ของพวกเขา ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ความรู้สึกว่าคุณได้ช่วยชีวิตสัตว์โดยการนำไปใช้ยังช่วยให้คุณมีความพึงพอใจในตัวเองและทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจกับตัวเอง
9. เมื่อคุณนำสัตว์เลี้ยงมาจากที่พักพิงของสัตว์เลี้ยงพวกเขาจะแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับ “สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ” เพื่อให้คุณตระหนักดีถึงสิ่งที่สัตว์เลี้ยงรักและสิ่งที่กระตุ้นให้เกิด
สุดท้ายแล้วคุณสามารถคุยโวในแวดวงสังคมของคุณเกี่ยวกับการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง!

ตอนนี้คุณมีความมั่นใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการนำสัตว์เลี้ยงมาทำการค้นหาสัตว์เลี้ยงบนอินเทอร์เน็ตและหาที่พักอาศัยที่ใกล้ที่สุดซึ่งคุณสามารถนำสัตว์เลี้ยงของคุณไปใช้ได้