เลือกเครื่องทำลมแห้ง อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

ปัญหาความชื้นในระบบอัดอากาศถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ในกระบวนการผลิต เพราะคุณภาพอากาศอัดที่ดีควรปราศจากสิ่งสกปรก น้ำ และน้ำมัน หากมีความชื้นปนเปื้อนในระบบอัดอากาศก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น การกัดกร่อนในระบบนิวเมติก จนเป็นเหตุให้เกิดสนิม นอกจากนี้น้ำยังเป็นสาเหตุให้เกิดแรงดันตก (pressure drop) ได้ หรือหากมีความชื้นในระบบลำเลียงก็อาจทำให้วัสดุเกาะติดเป็นก้อนได้ เช่น น้ำตาล ปูนซีเมนต์ หรือแป้ง

ความชื้นในระบบอัดอากาศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เครื่องทำลมแห้ง จึงถือเป็นสิ่งสำคัญในระบบอัดอากาศ เพราะนอกจากความชื้นจะปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์จนทำให้ผลิตภัณฑ์ เสียหายแล้วนั้น ความชื้นยังทำลายเครื่องจักรรวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบการผลิตอีกด้วย จึงต้องหาทางกำจัดความชื้นออกจากระบบอัดอากาศ นั่นก็คือการเพิ่มเครื่องทำลมแห้ง เข้ามาในระบบอัดอากาศ เครื่องทำลมแห้ง เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในระบบอัดอากาศมักติดตั้งคู่กับเครื่องระบายความร้อน มีหน้าที่ช่วยลดความชื้นในระบบอัดอากาศ ทำให้ลมที่เปียกอยู่เป็นลมแห้ง

โดยทั่วไปแล้ว การเลือกเครื่องทำลมแห้ง ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมตามความต้องการใช้งานจริง ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ (air compressor) รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบอัดอากาศที่คุณใช้งานอยู่ด้วย
ควรพิจารณาจากสิ่งใดบ้าง:
– อัตราการไหลสูงสุดของลมในระบบอัดอากาศซึ่งคิดเป็นลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (scfm)
– ปริมานน้ำในลมอัดที่ต้องการ (pressure dew point)
– แรงดันอากาศขาเข้า (Inlet air pressure)
– อุณหภูมิอากาศขาเข้า (Inlet air temperature)
– อุณหภูมิแวดล้อมโดยรอบ (ซึ่งรวมไปถึงอุณหภูมิของน้ำหลังถูกระบายความร้อน)
– สภาพแวดล้อมในการติดตั้งเครื่องทำลมแห้ง (air dryer)